หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานในการเรียนพิมพ์ดีด

1.ประวัติและความวิวัฒนาการของเครื่องพิมพ์ดีด
1.ประวัติและความวิวัฒนาการของเครื่องพิมพ์ดีด
            ปี ค.ศ. 1714 เฮนรี่ มิลล์ ชาวอังกฤษเป็นคนแรกที่คิดประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดขึ้น หลังจากนั้นเครื่องพิมพ์ดีด เครื่องแรกของโลกถูกสร้างขึ้น
ในปี ค.ศ. 1808 ต่อมา ปี ค.ศ. 1876 คริสโตเฟอร์ -ลาทัม ชูลส์
นักหนังสือพิมพ์ชาวมิลวอกี ประเทศสหรัฐอเมริกา คิดจะสร้างเครื่องพิมพ์เลขหน้าหนังสืออัตโนมัติ เขาขยายความคิดออกไปจากแค่พิมพ์เลขหน้าเป็นพิมพ์ตัวอักษรด้วย และต่อมา “ชูลส์” ขายลิขสิทธิ์การผลิต
เครื่องพิมพ์ดีดนี้ให้กับบริษัทเรมิงตัน
ต่อมา ปี พ.ศ. 2419 เครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก เอดวิน แมคฟาแลนด์ ได้คิดค้นและดัดแปลงจากเครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษมาเป็นเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย และได้นำ
เครื่องพิมพ์ดีดกลับมาเมืองไทย เมื่อ พ.ศ. 2435 เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยปัจจุบันมีใช้กันอยู่ 2 แบบ คือ แบบเกษมณี เป็นแบบที่นิยมใช้และปัจจุบันเครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้กันอยู่เป็นแบบเกษมณี กับอีกแบบหนึ่งคือแบบ
ปัตตะโชติ เป็นแบบที่ไม่แพร่หลายนัก

2. ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่องพิมพ์ดีด

1. แผงนำกระดาษ (Paper Guide)
2. ปุ่มกั้นระยะซ้ายขวา (Left & Right Margin )
3. ก้านคลายกระดาษ (Paper Rclease Lever)
4. ปุ่มลูกบิดซ้าย - ขวา (Left & Right Cylinder knob)
5. คานทับกระดาษ (Peper Holding Bar)
6. ปุ่มตั้งระยะหรือปุ่ม Tab + (Tabulato Setting)
7. ปุ่มตั้งระยะหรือปุ่ม Tab - (Tabulato Setting)
8. คานเว้นวรรค (Space Bar)
9. ก้านปัดแคร่ (Carriage Return Lever)
10. ระยะบรรทัด (Line Spacer)
11. ก้านรับผ้าหมึกพิมพ์ (Ribbon Adjuster)

3.การสร้างเทคนิคที่ดีในการพิมพ์ดีด
1. ท่านั่งพิมพ์ดีด
2. การใส่กระดาษและการถอดกระดาษออกจากเครื่องฯ
3. การตั้งระยะกั้นหน้า – กั้นหลัง
4. การวางนิ้ว การเคาะแป้นอักษร และการสืบนิ้ว
5. การวางแบบพิมพ์

4.กิจนิสัยที่ดีในการเรียนพิมพ์ดีด
1. การพับผ้าคลุมเครื่องฯ
2. การพิมพ์ทบทวน
3. การตรวจทาน
4. เตรียมอุปกรณ์การพิมพ์ดีดให้พร้อม
5. การลบแก้ไขคำผิด
6. การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ดีด

5.การแก้ไขเครื่องพิมพ์ดีดอย่างง่าย
1. อาการขัดข้องที่เกิดจากการทำงานของระบบผ้าหมึก
2. อาการขัดข้องที่เกิดจากก้านพิมพ์ดีดค้าง ฝืด หรือหนัก
3. อาการขัดข้องที่เกิดจากสายพานขาดหรือหลุด
4. การเปลี่ยนผ้าหมึกพิมพ์ดีด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น